วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560

คำกริยา (Kata Kerja)

คำกริยา (Kata Kerja)
            คำกริยาแบ่งได้ดังนี้ :-
A: คำกริยาที่ต้องการกรรม (Kata Kerja Transitif)
B: คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม (Kata Kerja Tak Transitif)

A- คำกริยาที่ต้องการกรรม (Kata Kerja Transitif)
1- คำกริยาที่ต้องการกรรม (Kata Kerja Transitif) คือ การกระทำที่ถูกกระทำโดยผู้กระทำกับสิ่งอื่น สิ่งที่ถูกกระทำเรียกว่า กรรม (objek)
2- คำกริยานี้ต้องการกรรม (objek) มารองรับ
3- คำกริยานี้จะต้องมีคำเติม “me-” ทั้งเป็นคำนำหน้าหรือเป็นส่วนหนึ่งของคำเติม เช่น mengambil (เอา) , mendermakan (บริจาค) , membacakan (อ่าน) , menduduki (ครอบครอง) , mempersilakan (เรียนเชิญ)
            คำกริยาที่ต้องการกรรม คือ คำกริยาที่จะต้องมาพร้อมกับกรรม (objek) ที่เป็นคำนาม
เช่น : Atan mendengar radio. (อาตันฟังวิทยุ)
- mendengar คือ คำกริยาที่ต้องการกรรม
- radio คือ กรรม (objek) [ที่เป็นคำนาม]
คำกริยาที่ต้องการกรรม (Kata Kerja Transitif) ใช้คำเติม “men- , menI , menkan , memperi และ memperkan
ตัวอย่างประโยค :
1- Kucing itu menangkap seekor burung. (แมวตัวนั้นจับนก)
2- Perempuan itu menjual sayur. (ผู้หญิงคนนั้นขายผัก)
3- Bapa sedang menulis surat. (พ่อกำลังเขียนจดหมาย)
ในประโยคแรก : Kucing คือ ผู้กระทำ menangkap คือ การกระทำที่เกินเหตุ burung คือ สิ่งที่ถูกกระทำ
ในประโยคที่สอง : Perempuan คือ ผู้กระทำ menjual คือ การกระทำที่เกินเหตุ และ sayur คือ สิ่งที่ถูกกระทำ
ในประโยคที่สาม : Bapa คือ ผู้กระทำ menulis คือ การกระทำที่เกินเหตุ และ surat คือ สิ่งที่ถูกกระทำ
B- คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม (Kata Kerja Tak Transitif) คือ ทุก ๆ การกระทำที่ถูกกระทำโดยผู้กระทำเอง โดยที่ไม่ต้องมีผู้ใดหรือสิ่งใดมารองรับ
ตัวอย่างเช่น :
1- Mereka berjalan pada hari cuti. (เขาไปเที่ยวในวันหยุด)
2- Anjing itu sedang tidur. (สุนัขกำลังนอน)
3- Hujan turun dengan lebatnya semalam. (เมื่อวานฝนตกอย่างหนัก)
ในประโยคแรก : เขาไปเที่ยว ไม่ได้มีสิ่งใดมารองรับ
ในประโยคที่สอง : สุนัขนอน ไม่ได้มีสิ่งใดมารองรับ
ในประโยคที่สาม : ฝนตก ไม่ได้มีสิ่งใดมารองรับ

คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม (Kata Kerja Tak Transitif)
1- คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม (Kata Kerja Tak Transitif) คือ กริยาที่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวมันเองในประโยค นั่นก็คือไม่ต้องการกรรมมารองรับนั่นเอง
2- คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม (Kata Kerja Tak Transitif) มีทั้งคำพื้นฐาน (dasar) และคำเติม (berimbuhan) ber- , men- , ter- , beran และ berkan ตัวอย่างเช่น : (A) Ravi belum datang lagi. (ราวียังมาไม่ถึง) (B) Murid-murid sedang belajar. (นักเรียนกำลังเรียน) (C) Sungai itu mengalir deras. (แม่น้ำสายนั้นไลเชี่ยว)
ข้อควรจำ
            ทุก ๆ คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม (Kata Kerja Tak Transitif) สามารถเป็นคำกริยาที่ต้องการกรรม (Kata Kerja Transitif) ได้ ด้วยการเพิ่ม ‘kan’ หรือ ‘I’ ในตอนท้ายของคำ
ตัวอย่างเช่น :
1- Emak sedang menidurkan adik. (แม่กำลังกล่อมน้องนอน)
2- Pekerja itu menurunkan barang-barang dari atas lori. (พนักงานเอาของลงจากรถบรรทุก)
3- Saya sudahi syarahan saya ini dengan ucapan salam. (ฉันจบการบรรยายของฉันด้วยการให้สลาม)

คำกริยาที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ (Kata Kerja Pasif)
1- คำกริยาที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ (Kata Kerja Pasif) คือ คำกริยาที่มาจากคำกริยาที่ต้องการกรรม (Kata Kerja Transitif) แต่ไม่มีคำเติม men- นำหน้า เช่น: angkat (ยก), atasi (แก้ไข), berikan (ให้), percepat (ความเร็ว), pelajari (เรียน), persilakan (ทำ) และอื่น ๆ
2- คำกริยาที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ (Kata Kerja Pasif) มี 3 ชนิด
            A- Kata Kerja Pasif diri pertama.
            B- Kata Kerja Pasif diri kedua.
            C- Kata Kerja Pasif diri ketiga.
3- Kata Kerja Pasif diri pertama. คือ คำกริยาที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำที่มีคำเติม ku- เช่น: kuangkat, kuatasi, kuberikan, kupercepat, kupelajari, kupersilakan
4- Kata Kerja Pasif diri kedua. คือ คำกริยาที่มีคำเติม kau- เช่น: kauangkat, kauatasi, kauberikan, kaupercepat, kaupelajari, kaupersilakan

5- Kata Kerja Pasif diri ketiga. คือ คำกริยาที่มีคำเติม di- เช่น: diangkat, diatasi, diberikan, dipercepat, dipelajari, dipersilakan

อ้างอิง : http://www.pingming.edu.my/malay/kata_kerja.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น